Galaxy Watch4 seriesนำเสนอชุดฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่ครบวงจร พร้อมระบบปฏิบัติการและ
อินเทอร์เฟซโฉมใหม่ และเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ
ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรมสมาร์ทวอทช์ เปิดตัว Galaxy Watch4และ Galaxy Watch4 Classicสมาร์ทวอชท์รุ่นแรกที่มาพร้อม Wear OS ที่ซัมซุงได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Google รวมถึง One UI Watch โฉมใหม่ที่มอบอินเทอร์เฟซการใช้งานที่ตอบสนองได้ดีที่สุดของซัมซุง โดย Galaxy Watch4 series ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์อันทรงประสิทธิภาพ ยกระดับประสบการณ์ใช้งานและการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลกว่าที่เคย เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาอุปกรณ์ในการช่วยดูแลสุขภาพของตนเองอย่างแท้จริง
ดร. ทีเอ็ม โรห์ ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “เรามองเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญของสมาร์ทวอทช์ตระกูล Galaxy Watch ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการที่ผู้ใช้เล็งเห็นประโยชน์ด้านสุขภาพและความสะดวกสบายที่ได้รับจากอุปกรณ์ โดยเราเข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพที่แตกต่างกันของผู้บริโภค จึงได้พัฒนาชุดฟีเจอร์ประสิทธิภาพสูงที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าใจร่างกายและสุขภาพโดยรวมของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ชุดฟีเจอร์เพื่อการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรและล้ำสมัยที่สุดของซัมซุง
Galaxy Watch4 series มาพร้อมนวัตกรรมเซ็นเซอร์ BioActive ชั้นนำของซัมซุง ที่ผ่านการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงประสิทธิภาพการตรวจวัดที่แม่นยำ พร้อมความสามารถตรวจจับข้อมูลได้ถึง 2,400 จุด โดยใช้เวลาในการตรวจวัดเพียง 15 วินาที โดยทำงานร่วมกับชิปประมวลผลเพื่อประมวลค่าด้านสุขภาพได้อย่างละเอียดแบบ 3-in-1 ซึ่งได้แก่ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (Optical Heart Rate) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrical Heart) และการวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายหรือ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis) ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามระดับความดันโลหิต[1][2]ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AFib)[3][4] หรือเช็คระดับออกซิเจนในเลือด[5] และครั้งแรกกับความสามารถในการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย[6] ได้โดยตรงจากสมาร์ทวอทช์บนข้อมือ ซึ่งฟังก์ชันใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยประเมินจากค่ามวลกระดูกและกล้ามเนื้อ อัตราการเผาผลาญพลังงาน และเปอร์เซ็นต์น้ำและไขมันในร่างกาย เป็นต้น
สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดนี้ยังทำหน้าที่คอยติดตามกิจวัตรในแต่ละวันพร้อมเป็นแรงผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองจากตัวเลือกที่หลากหลาย หรือเพิ่มสีสันด้วยการสร้าง Group Challenge เพื่อกำหนดเป้าหมายการออกกำลังกายและร่วมพิชิตไปพร้อมกับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว หรือเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นยิมขนาดย่อมเพียงเชื่อมต่อ Galaxy Watch4 series เข้ากับซัมซุงสมาร์ททีวีที่รองรับ ซึ่งข้อมูลและค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ หรืออัตราการเต้นของหัวใจ จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่เพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้น[7] ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาของการพักผ่อน Galaxy Watch4 series ยังมาพร้อมฟีเจอร์ติดตามรูปแบบการนอนหลับที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุด[8] โดยสามารถใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับในการตรวจจับเสียงกรน[9] ในขณะที่สมาร์ทวอทช์บนข้อมือยังสามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับได้อีกด้วย[10] รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยประเมินและให้คะแนนคุณภาพการนอนหลับ (Sleep Scores) ให้ผู้ใช้สามารถเรียนรู้รูปแบบการนอนของตัวเองเพื่อนำไปปรับกิจวัตรการพักผ่อนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้
สัมผัสประสบการณ์การใช้งานบนสมาร์ทโฟน ผ่าน One UI Watch และ Wear OS จากซัมซุง
จุดเด่นของแพลตฟอร์มกาแลคซี่สมาร์ทวอทช์ คือ ความเรียบง่าย การใช้งานที่สะดวก และประสิทธิภาพอันทรงพลัง ซึ่งด้วย One UI Watch ใหม่ จะทำให้สมาร์ทวอทช์ได้รับการติดตั้งแอปพลิเคชันเดียวกับที่ผู้ใช้งานดาวน์โหลดลงบนสมาร์ทโฟนโดยอัตโนมัติ[11] รวมถึงการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ อาทิ ช่วงเวลาที่ห้ามรบกวน และเบอร์ที่ไม่ต้องการรับสาย ก็จะซิงค์กันโดยทันทีเช่นกัน รวมถึง Wear OS ที่ดำเนินงานโดยซัมซุง จะทำให้ผู้ใช้เข้าถึงหลากหลายอีโคซิสเต็มได้อย่างง่ายดายจากสมาร์ทวอทช์บนข้อมือ ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันยอดนิยมจาก Google[12]อย่าง Google Maps บริการต่างๆ จากซัมซุง กาแลคซี่[13] เช่น Samsung Pay, SmartThings หรือ Bixby รวมถึงแอปพลิเคชันชั้นนำอื่นๆ[14] อย่าง adidas Running, Calm และ Spotify บน Google Play ทั้งนี้ ด้วยฟีเจอร์ Auto Switch[15]ยังทำให้หูฟังสามารถทำหน้าที่สลับการใช้งานระหว่างสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ได้ตามต้องการ รวมถึงผู้ใช้ยังสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน Bixby voice[16], บริเวณขอบหน้าจอ และการควบคุมด้วยท่าทาง (Gesture Control) ได้อย่างง่ายดายด้วยการยกปลายแขนขึ้นลงสองครั้งเพื่อรับสายเรียกเข้า หรือหมุนข้อมือสองครั้งเพื่อปฏิเสธสาย หรือปิดการแจ้งเตือน (notification) และนาฬิกาปลุก (alarm)
รวมทุกประสิทธิภาพอันทรงพลังไว้ที่สมาร์ทวอทช์บนข้อมือ
Galaxy Watch4 series ถือเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ 5nm ทำให้ CPU เร็วขึ้น 20% หน่วยความจำหลัก (RAM) เพิ่มขึ้น 50% และหน่วยประมวลกราฟฟิก (GPU) แรงขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้สามารถเลื่อนหน้าจอได้อย่างลื่นไหล พร้อมทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้แบบไม่มีสะดุด รวมถึงจอแสดงผลที่ซัมซุงได้เพิ่มค่าความละเอียดหน้าจอให้สูงสุดถึง 450 x 450 พิกเซล[17] เพื่อมอบภาพที่คมชัด สีสันโดดเด่น และหน่วยความจำขนาด 16GB ที่ทำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน พร้อมจัดเก็บเพลงและภาพได้มากเท่าที่ต้องการ พร้อมเสริมความมั่นใจด้านความปลอดภัยของข้อมูลด้วยแพลตฟอร์ม Knox security ของซัมซุง
นอกจากนี้ จากความเป็นผู้นำเทคโนโลยี eSIM ของซัมซุง ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับการใช้งานได้โดยไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนตลอดเวลา[18]ซึ่งด้วยความสามารถของแบตเตอรี่ใน Galaxy Watch4 series ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 40 ชั่วโมง[19] พร้อมรองรับระบบการชาร์จเร็ว ที่เพียงแค่การชาร์จเป็นเวลา 30 นาที ก็ทำให้ใช้งานได้เพิ่มถึง 10 ชั่วโมง
โดย Galaxy Watch4มาพร้อมกับดีไซน์อันทันสมัยแต่คงไว้ซึ่งความเรียบง่าย พร้อมตัวเลือกของขนาดหน้าปัดที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว ได้แก่ หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร (BLT) ในสีดำและพิงค์โกลด์ วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท (BLT) และหน้าปัดขนาด 44 มิลลิเมตร มาในสีดำและสีเขียว ราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE) ในขณะที่ Galaxy Watch4 Classicได้ออกแบบมาเพื่อผู้ที่แสวงหาความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ด้วยรูปลักษณ์หน้าปัดแบบหมุนที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งวางจำหน่ายในรุ่น หน้าปัดขนาด 46 มิลลิเมตร กับตัวเลือกสีดำและ
สีเงินสุดหรู ในราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) ในตัวเลือกสีดำ
ทั้งนี้ สำหรับ Galaxy Watch4 Classic Thom Browne เคลือบโรเดียมรุ่นพิเศษจะวางจำหน่ายในปลายเดือนกันยายนที่จะมาถึงนี้
: