เราทุกคนล้วนต้องการที่จะ ‘เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด’ ด้วยการมีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น มีความสุขขึ้น และมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกิจวัตรประจำวัน เช่น ควบคุมอาหารการกิน ปรับพฤติกรรมการนอน และเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกาย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เรามีแรงที่จะโฟกัสกับการทำงานหรือเอนจอยกับความบันเทิงได้ยิ่งขึ้นแล้ว
ถึงแม้ว่าเส้นทางสู่การมีสุขภาพที่ดีของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพคือการเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
Galaxy Watch4 Series สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่จากซัมซุง ได้ยกระดับการติดตามข้อมูลด้านสุขภาพและการออกกำลังกายขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเซ็นเซอร์ BioActive ที่ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวในการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์สุขภาพอันทรงพลังทั้งสามตัวได้อย่างแม่นยำ ประกอบไปด้วย เซ็นเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (Optical Heart Rate) เซ็นเซอร์การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrical Heart) และเซ็นเซอร์การวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายหรือ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis)
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความดันโลหิต[1][2] การวัดระดับออกซิเจนในเลือด[3] การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และครั้งแรกบนสมาร์ทวอทช์กับการคำนวณองค์ประกอบของร่างกาย[4] Galaxy Watch4 Series ก็สามารถทำได้ทั้งหมด ซัมซุงจึงอยากชวนทุกคนมาลองดู 3 วิธีการเพื่อใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์บนสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดกัน
นอนหลับอย่างเต็มอิ่มทุกคืน
หากคุณเป็นคนที่นอนหลับยาก หรือมีความคิดมากมายอยู่ในหัวจนทำให้ข่มตาหลับไม่ลงเสียที อยากให้ลองใช้งานฟังก์ชันวิเคราะห์การนอนหลับบน Galaxy Watch4 Series เพื่อเช็คคุณภาพในการนอนหลับแต่ละคืนของคุณ
ฟังก์ชันวิเคราะห์การนอนหลับ ถือเป็นฟังก์ชันยอดนิยมของแฟนๆ Galaxy Watch Series เพราะ การนอนหลับอย่างเพียงพอเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญสำหรับสุขภาพใจและกายที่ดี และรู้หรือไม่ว่ามีผู้ใช้ Galaxy Watch Series ตรวจสอบรูปแบบการนอนมากกว่า 800 ล้านครั้ง![5] ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าใจการนอนหลับได้อย่างครบถ้วนรอบด้านมากยิ่งขึ้น Galaxy Watch4 Series ยังสามารถตรวจจับและติดตามทั้งเสียงกรนและรูปแบบการหายใจ เพื่อให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนให้หลับสนิทได้ยาวนานและดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
โดยแอปพลิเคชัน Samsung Health[6] บนสมาร์ทโฟนจะทำหน้าที่ตรวจจับเสียงกรน ในขณะที่ Galaxy Watch4 Series จะวัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับทุกวินาที[7] ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมเพื่อประเมินคะแนนคุณภาพการนอนหลับ (Sleep Scores) โดยรวมให้คุณได้รับทราบ
หากคุณพบว่าตัวเองมีปัญหาการนอนหลับจากผลการวิเคราะห์ของ Galaxy Watch4 Series คุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้[8] เพื่อปรับปรุงคะแนนการนอนหลับของคุณ:
คุณจะนอนหลับได้อย่างดีที่สุดเมื่อร่างกายของคุณเคยชินกับการนอนและตื่นในเวลาเดิมทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์
หลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่ แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสเผ็ดจัด หรือหวานจัด เป็นระยะเวลา 4 – 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เรานอนหลับยากยิ่งขึ้น
ปิดแสงสีเสียงที่อาจรบกวนการนอนหลับ รวมไปถึงอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นเกินไปก็อาจทำให้นอนหลับไม่สนิทได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นสภาพแวดล้อมควรมีความเย็นสบายพอดีซึ่งจะกับช่วงเวลานอนหลับมากที่สุด
ติดตามผลการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำผ่านการวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกาย
หลายคนอาจเคยชินกับการใช้เครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพโดยทั่วไป แต่แท้จริงแล้วสิ่งนี้ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่สามารถวัดค่าปริมาณของกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำในร่างกาย[9] ที่จะช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายที่ครอบคลุมมากกว่าได้
นี่ถือเป็นครั้งแรกของ Galaxy Watch Series ด้วยการมีเครื่องมือวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายไว้ใน Galaxy Watch4 Series เสมือนการนำเทคโนโลยีในเครื่องชั่งอัจฉริยะที่ยิมหรือคลินิกมาไว้บนข้อมือ!
ภาพประกอบเพื่อเป็นตัวอย่างเท่านั้น
การวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายหรือ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis สามารถตรวจจับข้อมูลได้ถึง 2,400 จุด โดยใช้เวลาในการตรวจวัดเพียง 15 วินาที ซึ่งถึงแม้จะใช้เวลาเพียงนิดเดียว แต่ข้อมูลที่ได้นั้นมีความแม่นยำถึง 98% เทียบเท่าการสแกนด้วยรังสีเอกซ์ชนิดสองพลังงาน (DXA)[10] ซึ่งเป็นวิธีการวัดองค์ประกอบร่างกายแบบมาตรฐาน (Gold Standard) ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
ด้วยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ คุณสามารถควบคุมปริมาณอาหารและเลือกกิจกรรมที่จะทำให้องค์ประกอบของร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น
ตรวจสอบหน่วยชี้วัดด้านสุขภาพที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ
นอกเหนือจากการติดตามการนอนหลับและการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายขั้นสูงแล้ว เซ็นเซอร์ BioActive ของซัมซุงยังสามารถตรวจวัดความดันโลหิตได้อีกด้วย[11]
โดยทั่วไปแล้ว ค่าความดันโลหิตปกติควรต่ำกว่า 120/80 mmHg ในขณะที่ความดันโลหิต 140/90 mmHg หรือสูงกว่านั้น หมายถึงการมีภาวะความดันโลหิตสูง[12][13][14] ซึ่งอาจทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ จนไปถึงโรคหลอดเลือดสมอง
เพื่อรักษาค่าความดันโลหิตที่เหมาะสม คุณสามารถลองปรับกิจวัตรและการทานอาหารตามขั้นตอนต่อไปนี้[15]:
จากการศึกษาพบว่าการลดการบริโภคโซเดียมมีประโยชน์ในการช่วยลดความดันโลหิต
ธัญพืชไม่ขัดสี ผักและผลไม้ มีคุณประโยชน์ที่สำคัญ ทั้งไฟเบอร์ แมกนีเซียม และโพแทสเซียม อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิต ดังนั้น คุณจึงควรลองตั้งเป้าการรับประทานผักและผลไม้ให้ได้อย่างละ 2 ส่วนต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
ไขมันในอาหารมักมีแคลอรีสูง การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง ลองหันมาใช้น้ำมันในการปรุงอาหารให้น้อยลง และขจัดไขมันส่วนเกินที่มองเห็นได้ก่อนรับประทาน พร้อมเลือกวิธีการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่าง การนึ่ง ต้ม และย่าง แทนการทอด
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยครั้งทำให้หัวใจสูบฉีดแรงและเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงให้ไม่เกินหนึ่งแก้วต่อวัน
ซัมซุงได้ใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนา Galaxy Watch4 Series เพื่อให้ได้เทคโนโลยีล้ำสมัยมาไว้บนข้อมือทุกคน ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้คุณได้ทราบข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ส่งผลให้สามารถดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย สุขภาวะโดยรวมได้อย่างเหมาะสมกว่าที่เคย
: